วันอังคารที่ 7 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2555

การใช้ฟังก์ชัน Math


ส่งกลับค่าตำแหน่งสัมพัทธ์ของรายการข้อมูลในอาร์เรย์ที่ตรงกับค่าที่ระบุตามลำดับการเรียงที่กำหนดไว้ ให้ใช้ฟังก์ชัน MATCH แทนการใช้ฟังก์ชัน LOOKUP ชนิดใดชนิดหนึ่งหากต้องการแสดงค่าตำแหน่งของรายการข้อมูลที่อยู่ในช่วงใดช่วงหนึ่ง นอกเหนือจากแสดงค่าตำแหน่งของตัวรายการข้อมูลนั้น
สูตร
MATCH(lookup_value,lookup_array,match_type)
lookup_value    คือค่าที่คุณต้องการหาจากในตาราง
  • lookup_value คือค่าที่คุณต้องการที่ตรงกับค่าใน lookup_array เช่น เมื่อคุณค้นหาหมายเลขในสมุดโทรศัพท์ของบางคน คุณกำลังใช้ชื่อของบุคคลนั้นเป็นค่าการค้นหา แต่หมายเลขโทรศัพท์เป็นค่าที่คุณต้องการ
  • lookup_value สามารถอยู่ในรูปตัวเลข ข้อความ หรือค่าตรรกะ หรือการอ้างอิงเซลล์ไปยังตัวเลข การอ้างอิงเซลล์ไปยังข้อความ หรือการอ้างอิงเซลล์ไปยังค่าตรรกะ
lookup_array    คือช่วงเซลล์ที่ติดกันซึ่งมีค่าที่ต้องการค้นหาเก็บอยู่ โดยจะต้องใส่ค่าที่เป็นอาร์เรย์หรือการอ้างอิงไปยังอาร์เรย์
match_type    คือตัวเลข -1, 0 หรือ 1 ซึ่งจะระบุวิธีที่ Microsoft Excel ใช้หาค่า lookup_value ที่ตรงกับค่าใน lookup_array
  • ถ้า match_type เป็น 1 ฟังก์ชัน MATCH จะค้นหาค่ามากสุดที่น้อยกว่าหรือเท่ากับ lookup_value โดย lookup_array จะต้องเรียงลำดับจากน้อยไปหามากนั่นคือ ...-2, -1, 0, 1, 2, ..., A-Z, FALSE, TRUE
  • ถ้า match_type เป็น 0 ฟังก์ชัน MATCH จะค้นหาค่าแรกที่เท่ากับ lookup_value โดยค่าของ lookup_array จะเรียงลำดับแบบใดก็ได้
  • ถ้า match_type เป็น -1 ฟังก์ชัน MATCH จะค้นหาค่าน้อยสุดที่มากกว่าหรือเท่ากับค่าของ lookup_value โดยต้องใส่ค่าของ lookup_array เรียงตามลำดับจากมากไปหาน้อยนั่นคือ TRUE, FALSE, Z-A, ...2, 1, 0, -1, -2, ... และต่อๆ ไป
  • ถ้าไม่ได้ใส่ค่าของ match_type ไว้ ก็จะถือว่าค่านี้เท่ากับ 1
หมายเหตุ
  • ฟังก์ชัน MATCH จะส่งกลับค่าตำแหน่งของค่าที่ตรงกันกับค่าของ lookup_array ซึ่งไม่ใช่ค่าของตัวเอง ตัวอย่างเช่น MATCH("b",{"a","b","c"},0) จะส่งกลับค่า 2 ซึ่งเป็นตำแหน่งสัมพัทธ์ของ "b" ภายในอาร์เรย์ {"a","b","c"}
  • ฟังก์ชัน MATCH ไม่แยกความแตกต่างระหว่างตัวพิมพ์ใหญ่ และตัวพิมพ์เล็กเมื่อมีการเปรียบเทียบค่าข้อความ
  • ถ้า MATCH ไม่ประสบความสำเร็จในการค้นหาค่าที่ตรงกัน จึงส่งกลับ #N/A เป็นค่าข้อผิดพลาด
  • ถ้า match_type เป็น 0 และ lookup_value เป็นข้อความ ก็สามารถใส่อักขระสัญลักษณ์ตัวแทน เช่น ดอกจัน (*) และเครื่องหมายคำถาม (?) ไว้ใน lookup_value ได้ ซึ่งเครื่องหมายดอกจันจะทำหน้าที่เปรียบเทียบกับอักขระจำนวนเท่าใดก็ได้ ส่วนเครื่องหมายคำถามทำหน้าที่เปรียบเทียบกับอักขระตัวเดียวที่เป็นอักขระใดก็ได้
ตัวอย่าง
หากคัดลอกตัวอย่างไปใส่ไว้ในกระดาษคำนวณว่างเปล่าจะทำให้อ่านตัวอย่างได้เข้าใจยิ่งขึ้น

  1. สร้างสมุดงานหรือแผ่นงานว่างเปล่า
  2. เลือกตัวอย่างในหัวข้อวิธีใช้ แต่อย่าเลือกหัวแถวหรือหัวคอลัมน์  
    การเลือกตัวอย่างจากวิธีใช้
    การเลือกตัวอย่างจากวิธีใช้
  3. กด CTRL+C
  4. ในแผ่นงาน ให้เลือกเซลล์ A1 แล้วกด CTRL+V
  5. เมื่อต้องการสลับระหว่างการดูค่าผลลัพธ์กับการดูสูตรที่ส่งกลับค่าผลลัพธ์นั้น ให้กด CTRL+` (อักขระเน้นเสียง) หรือบนเมนู เครื่องมือ ให้ชี้ไปที่ ตรวจสอบสูตร จากนั้นคลิก โหมดตรวจสอบสูตร

1
2
3
4
5
AB
ผลคูณนับจำนวน
กล้วย25
ส้ม38
แอปเปิ้ล40
แพร์41
สูตรคำอธิบาย (ผลลัพธ์)
=MATCH(39,B2:B5,1)เนื่องจากไม่มีค่าที่ตรงกัน จึงส่งกลับค่าตำแหน่งของค่าน้อยสุดถัดไป (38) จากในช่วงเซลล์ B2:B5 (2)
=MATCH(41,B2:B5,0)ตำแหน่งของ 41 จากในช่วง B2:B5. (4)
=MATCH(40,B2:B5,-1)ส่งกลับค่าข้อผิดพลาด เนื่องจากช่วงเซลล์ B2:B5 ไม่ได้เรียงตามลำดับจากมากไปหาน้อย (#N/A)

1 ความคิดเห็น:

Unknown กล่าวว่า...

คืนนี้ง่วงนอนมาก พรุ่งนี้จะมาอัฟข้อมูลเพิ่มนะค่ะ สำหรับฟังก์ชัน Math